งานเทศการเที่ยวทะเลหาดทรายแก้ว ณ หาดทรายแก้ว
การท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย สำนักงานเขตภาคใต้ เขต 4 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จ.นครศรีฯ
ร่วมจัดงาน เทศการเที่ยวทะเลหาดทรายแก้วในระหวาง วันที่6-10 ก.พ.2550เพื่อเป็นการส่งเสริม
การท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีฯและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวต่างๆไปสู่กลุ่มเเป้หมาย ทั้งนี้
นักท่องเทียวไทยและต่างประเทศให้เดินทางท่องเที่ยวนครเพิมมากขึ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ททท.สำนักงานเขตภาคใต้ เขต4 โทร 075315323
Thursday, February 1, 2007
Friday, January 19, 2007
Monday, January 15, 2007
Thursday, January 11, 2007
หัวอกน้อง "อ้วน"
หัวอกน้อง “อ้วน”
นับวัน “ความอ้วน” ดูจะกลายเป็นนิยามของคนมีปัญหา เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ดูจะเชื่อว่า คนสวยคนงาม รวมถึงคนสุขภาพดีจะต้องหุ่นเพรียวลมคล่องตัวเหมือนนางแบบ
ทำให้คน (รักที่จะ) อ้วน หลายคนพลอยเดือดร้อนไปกับค่านิยมนี้
มาริลีน วานน์ สาวตุ้ยนุ้ยนางหนึ่งในสหรัฐอเมริกาแทบเป็นลมเมื่อบริษัทประกันสุขภาพส่งจดหมายปฏิเสธการประกัน โดยให้เหตุผลว่าเธออ้วนจนผิดปกติ
เท่านั้นยังไม่พอ แฟนหนุ่มของเธอยังไม่ยอมพาเธอไปงานปาร์ตี้ เพราะอายที่จะแนะนำแฟนจ้ำม่ำให้เพื่อน ๆ รู้จัก
แต่แทนที่น้องวานน์จะหันมาลดความอ้วนแบบที่คนอื่นนิยมกัน น้องวานน์กลับลงมือทำนิตยสารเล่มหนึ่ง ชื่อ อ้วนแล้วเป็นไง เป็นนิตยสารสำหรับผู้ที่มีรสนิยมในการกินมากกว่าที่จะสนใจความงาม เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างคนอ้วนด้วยกัน
นับแต่นั้นมาก น้องวานน์ผู้มีน้ำหนัก 250 ปอนด์ โกรกผมสีชมพูแปร๊ดคนนี้ ก็กลายเป็นผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อคนอ้วน เธอประกาศว่าการต่อสู้เพื่อให้คนอ้วนเป็นที่ยอมรับแลกำจัดอคติตลอดจนความรังเกียจเดียดฉันท์คนอ้วนนั้น เป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ว่าด้วย “สิทธิที่จะอ้วน โดยไม่ได้รับการดูถูกจากสังคม”
วานน์ยังมีแนวคิดถึงขั้นจะให้คนอ้วนฟ้องบริษัทหรือเจ้าของธุรกิจบริการต่าง ๆ เช่น โรงภาพยนตร์ สายการบิน ที่กีดกันหรือไม่อำนวยความสะดวกให้คนอ้วน เพราะในโรงภาพยนตร์และบนเครื่องบินมีแต่ที่นั่งแคบ ๆ ไว้บริการ
“พูดตรง ๆ นะคะ ความอ้วนไม่ใช่โรคร้ายสักหน่อย เรากำลังพูดถึงเรื่องสิทธิไม่ใช่เรื่องสุขภาพ” วานน์ชี้แจง
วานน์ไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว มีองค์กรอีกมากมายที่คิดแบบเดียวกับเธอ
“ทุกวันนี้เราต่างถูกครอบงำโดยธุรกิจลดความอ้วนซึ่งเอาแต่ตำหนิคนที่น้ำหนักเพิ่ม” แมรีแอนน์ โบโดเลย์ แห่งสมาคมเพื่อคนอ้วน กล่าว เธอยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่าสถาบันลดน้ำหนักมีส่วนทำให้คนที่อ้วนอยู่แล้วมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
“วิธีการขุนให้สัตว์อ้วนก็คือ ปล่อยให้มันหิวโซแล้วค่อยให้อาหารมัน เพราะมันจะสวาปามเข้าไปได้มาก เช่นเดียวกัน คนอ้วนที่เข้าคอร์สลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารพอออกมาก็กินกันเต็มที่เหมือนเดิม”
สมาคมเพื่อคนอ้วนมีสมาชิกถึง 5,000 คนกับเครือข่ายอีก 48 แห่ง ซึ่งรวมทั้งกลุ่มคนอ้วนกลุ่มเล็ก ๆ ในบราซิล อิตาลี นิวซีแลนด์ อังกฤษ และออสเตรเลีย ทั้งยังมีนิตยสารกว่า 30 ฉบับ กับเว็บไซด์อีกนับไม่ถ้วนที่เสนอตัวเป็นแนวร่วม
ลินน์ แม็กอาฟี ผู้อำนวการศูนย์การแพทย์เพื่อการควบคุมรูปร่าง กล่าวว่า ปัจจัยสามอย่างที่ทำให้คนอ้วนกันมากขึ้นในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ก็คือ ออกกำลังกายน้อยลง กินอาหารขยะกันมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือ ความนิยมในการลดความอ้วน
ในขณะที่ เจน แคปแลน นักจิตวิทยาซึ่งทำงานกับผู้ป่วยที่มีภาวะโภชนาการผิดปรกติมากกว่า 20 ปี ก็ยอมรับว่า
“การรักษาพยาบาลของเราที่ผ่านมานั้นมีอคติกับความอ้วนมากเกินไป เพราะอันตรายที่รุนแรงกว่าความอ้วน คือ ความเครียดจากการกำจัดอาหารและเครียดจากการเกลียดตัวเองที่อ้วนเอา ๆ”
นับวัน “ความอ้วน” ดูจะกลายเป็นนิยามของคนมีปัญหา เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ดูจะเชื่อว่า คนสวยคนงาม รวมถึงคนสุขภาพดีจะต้องหุ่นเพรียวลมคล่องตัวเหมือนนางแบบ
ทำให้คน (รักที่จะ) อ้วน หลายคนพลอยเดือดร้อนไปกับค่านิยมนี้
มาริลีน วานน์ สาวตุ้ยนุ้ยนางหนึ่งในสหรัฐอเมริกาแทบเป็นลมเมื่อบริษัทประกันสุขภาพส่งจดหมายปฏิเสธการประกัน โดยให้เหตุผลว่าเธออ้วนจนผิดปกติ
เท่านั้นยังไม่พอ แฟนหนุ่มของเธอยังไม่ยอมพาเธอไปงานปาร์ตี้ เพราะอายที่จะแนะนำแฟนจ้ำม่ำให้เพื่อน ๆ รู้จัก
แต่แทนที่น้องวานน์จะหันมาลดความอ้วนแบบที่คนอื่นนิยมกัน น้องวานน์กลับลงมือทำนิตยสารเล่มหนึ่ง ชื่อ อ้วนแล้วเป็นไง เป็นนิตยสารสำหรับผู้ที่มีรสนิยมในการกินมากกว่าที่จะสนใจความงาม เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างคนอ้วนด้วยกัน
นับแต่นั้นมาก น้องวานน์ผู้มีน้ำหนัก 250 ปอนด์ โกรกผมสีชมพูแปร๊ดคนนี้ ก็กลายเป็นผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อคนอ้วน เธอประกาศว่าการต่อสู้เพื่อให้คนอ้วนเป็นที่ยอมรับแลกำจัดอคติตลอดจนความรังเกียจเดียดฉันท์คนอ้วนนั้น เป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ว่าด้วย “สิทธิที่จะอ้วน โดยไม่ได้รับการดูถูกจากสังคม”
วานน์ยังมีแนวคิดถึงขั้นจะให้คนอ้วนฟ้องบริษัทหรือเจ้าของธุรกิจบริการต่าง ๆ เช่น โรงภาพยนตร์ สายการบิน ที่กีดกันหรือไม่อำนวยความสะดวกให้คนอ้วน เพราะในโรงภาพยนตร์และบนเครื่องบินมีแต่ที่นั่งแคบ ๆ ไว้บริการ
“พูดตรง ๆ นะคะ ความอ้วนไม่ใช่โรคร้ายสักหน่อย เรากำลังพูดถึงเรื่องสิทธิไม่ใช่เรื่องสุขภาพ” วานน์ชี้แจง
วานน์ไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว มีองค์กรอีกมากมายที่คิดแบบเดียวกับเธอ
“ทุกวันนี้เราต่างถูกครอบงำโดยธุรกิจลดความอ้วนซึ่งเอาแต่ตำหนิคนที่น้ำหนักเพิ่ม” แมรีแอนน์ โบโดเลย์ แห่งสมาคมเพื่อคนอ้วน กล่าว เธอยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่าสถาบันลดน้ำหนักมีส่วนทำให้คนที่อ้วนอยู่แล้วมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
“วิธีการขุนให้สัตว์อ้วนก็คือ ปล่อยให้มันหิวโซแล้วค่อยให้อาหารมัน เพราะมันจะสวาปามเข้าไปได้มาก เช่นเดียวกัน คนอ้วนที่เข้าคอร์สลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารพอออกมาก็กินกันเต็มที่เหมือนเดิม”
สมาคมเพื่อคนอ้วนมีสมาชิกถึง 5,000 คนกับเครือข่ายอีก 48 แห่ง ซึ่งรวมทั้งกลุ่มคนอ้วนกลุ่มเล็ก ๆ ในบราซิล อิตาลี นิวซีแลนด์ อังกฤษ และออสเตรเลีย ทั้งยังมีนิตยสารกว่า 30 ฉบับ กับเว็บไซด์อีกนับไม่ถ้วนที่เสนอตัวเป็นแนวร่วม
ลินน์ แม็กอาฟี ผู้อำนวการศูนย์การแพทย์เพื่อการควบคุมรูปร่าง กล่าวว่า ปัจจัยสามอย่างที่ทำให้คนอ้วนกันมากขึ้นในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ก็คือ ออกกำลังกายน้อยลง กินอาหารขยะกันมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือ ความนิยมในการลดความอ้วน
ในขณะที่ เจน แคปแลน นักจิตวิทยาซึ่งทำงานกับผู้ป่วยที่มีภาวะโภชนาการผิดปรกติมากกว่า 20 ปี ก็ยอมรับว่า
“การรักษาพยาบาลของเราที่ผ่านมานั้นมีอคติกับความอ้วนมากเกินไป เพราะอันตรายที่รุนแรงกว่าความอ้วน คือ ความเครียดจากการกำจัดอาหารและเครียดจากการเกลียดตัวเองที่อ้วนเอา ๆ”
Subscribe to:
Posts (Atom)